วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2555

Malware

Malware คืออะไร ?   


Malicious Software (หรือ Malware) คือประเภทของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะทำลายหรือสร้างความเสียหายให้แก่ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบเครือข่าย หรือทรัพย์สินและข้อมูลของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ ประเภทของ malware ต่างๆ มีดังต่อไปนี้







          พฤติกรรมของ virus คือการขยายพันธุ์หรือก็อปปี้ตัวมันเอง ไปติดกับไฟล์ executable (.exe files) หรือไฟล์ของอีกโปรแกรมหนึ่ง หลังจากนั้น หากผู้ใช้งานไปดับเบิ้ลคลิ๊กหรือรันโปรแกรมไฟล์นั้นๆ virus ก็จะถูกกระตุ้นให้ทำงานทันที โดยส่วนที่เป็นพิษของ virus เราเรียกกันว่า payload ซึ่งเป็นส่วนที่มีคำสั่งที่ระบุให้ virus ทำงานตาม ยกตัวอย่างเช่น payload ของ virus อาจจะระบุไว้ว่าให้ virus ทำการลบไฟล์เอกสารต่างๆ ในเครื่องของผู้ใช้งาน หรือ payload อาจจะสั่งให้ virus ลงโปรแกรมประเภท spyware ไว้ในเครื่องเพื่อคอยดักเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน เป็นต้น ลักษณะเด่นของ virus คือ มันไม่สามารถที่จะทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง virus จะเริ่มการทำงานหรือถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้นั้น จะต้องมีการถูกกระตุ้นก่อน เช่น ถ้าเราดาวโหลดไฟล์ attachment ที่มากับอีเมล์ซึ่งมี virus อยู่ การที่เราดาวโหลดไฟล์ virus มาไว้ที่เครื่องเฉยๆ นั้น virus จะยังไม่สามารถทำงานได้ (และบางทีโปรแกรม anti-virus ของเราก็อาจจะฟ้องขึ้นมาทันที ว่าเรากำลังดาวโหลดไฟล์ที่มี virus อยู่ และทำการลบไฟล์นั้นทิ้ง) แต่ถ้าเครื่องของเราไม่มี anti-virus หรือโปรแกรม anti-virus ของเราไม่รู้จัก virus ตัวนี้ ไฟล์ attachment ที่มี virus ก็จะถูกโหลดมาไว้ในเครื่องของเราได้สำเร็จ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไปดับเบิ้ลคลิ๊กหรือเปิดไฟล์ attachment นี้ขึ้นมาใช้งาน เจ้า virus ก็จะตื่นขึ้นมาจัดการเครื่องของเราทันที





Worms
             ลักษณะการทำงานของ worm จะต่างจาก virus ตรงที่ worm สามารถทำงานได้ด้วยตัวของมันเอง (ทำงานแบบอัตโนมัติหรือ automatic) โดยไม่ต้องอาศัยพาหะ หรือการเกาะไฟล์ executable อื่นๆ โดย worm จะใช้การกระจายพันธุ์ผ่านทางระบบ network เป็นหลัก ด้วยการคอยสแกนระบบ network อยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะหาช่องโหว่ของเครื่องที่มีอยู่ในระบบ ถ้าเครื่องไหนมีช่องโหว่ (ซึ่งเกิดจากการไม่ได้ลง patch/service pack หรือใช้โปรแกรมเวอร์ชั่นเก่า) worm ก็จะโจมตี (exploit) เครื่องเหล่านั้นทันที และก็ควบคุมเครื่องเหล่านั้น ให้ช่วยกระจายพันธุ์ต่อไป ดังนั้น เรามักจะสังเกตเห็นได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่มีการระบาดของ worm ระบบ network ของเราก็จะทำงานช้ามาก เพราะว่า network bandwidth จะถูก worm ใช้ในการสแกนเครื่องต่างๆ โดยปกติแล้ว worm มักจะแฝงตัวมากับ virus ในลักษณะของ email attachment เพราะว่าการโจมตีผู้ใช้งานแบบนี้ได้ผลดีกว่าและง่ายกว่า และการที่ worm ฝังตัวมากับ email attachment นั้น network firewall ก็จะไม่สามารถตรวจจับและหยุด worm ตัวนั้นได้ นอกเสียจากเราจะมีโปรแกรม anti-virus ทำงานอยู่ใน mail server



Trojan Horses / Backdoors


            ใครเคยดูหนังเรื่อง "Troy" บ้างครับ? จำได้มั้ยครับว่า Trojan horse หรือม้าโทรจันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์อะไร? คำตอบก็คือ Trojan horse ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลอกให้ชาวเมืองทรอยเข้าใจผิด คิดว่าทหารกรีกยอมแพ้ และสร้าง Trojan horse ขึ้นมาเพื่อเป็นรางวัลในการขอหย่าศึกนั่นเอง แต่จริงๆ แล้ว มีทหารกรีกจำนวนหนึ่งแอบซ่อนตัวอยู่ภายใน Trojan horse เมื่อถึงเวลากลางคืน ทหารกรีกที่ซ่อนตัวเหล่านั้นก็ออกมาเปิดประตูเมืองทรอย เพื่อให้ทหารกรีกที่เหลือ ที่แอบซ่อนตัวอยู่ภายนอกกำแพงเข้ามาทำลายเมืองทรอยได้ในที่สุด ซึ่ง Trojan horse (หรือเรียกสั้นๆ ว่า trojan) ในเชิงของ IT security นั้น ก็คือโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการหลอกล่อให้ผู้ใช้งานทั่วไปดาวโหลดไปใช้งาน โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีโปรแกรมอื่น (ที่ชั่วร้าย) แอบแฝงมาด้วย ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรมประเภทที่เป็นตัวการ์ตูนที่เคลื่อนไหวอยู่บน desktop หรือ screensaver ที่สามารถดาวโหลดได้ฟรีจาก Internet ถ้าเราดาวโหลดโปรแกรมประเภทนี้ มาจาก web site ที่ไม่น่าเชื่อถือ โปรแกรมที่เราดาวโหลดมาอาจจะเป็น trojan ก็ได้ ซึ่งเมื่อเราลงโปรแกรมที่มี trojan อยู่ด้วย เราก็ยังสามารถใช้งานโปรแกรมเหล่านั้นได้ตามปกติ แต่ที่จริงแล้ว trojan จะทำงานอยู่เงียบๆ เบื้องหลัง โดยการฝังตัวของมันลงในเครื่องของเรา และติดตั้งโปรแกรมประเภท backdoor เพื่อเปิดช่องทางให้ attacker เข้าสู่เครื่องของเราได้อย่างลับๆ ทุกเมื่อที่ต้องการ



Bots (หรือ Zombies)


                Bot (หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Zombie) คือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูก attacker ยึดและควบคุมให้ทำตามคำสั่งต่างๆ ของ attacker ผ่านทาง Internet โดย attacker มักจะติดตั้ง rootkit ไว้ด้วย เพื่อซ่อนไฟล์และโปรแกรมของ attacker ไม่ให้ถูกจับได้ โดยที่ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์จะไม่รู้ตัวเลยว่า เครื่องของเค้ากลายเป็น bot ไปซะแล้ว ซึ่งในขณะที่เค้ากำลังทำงานตามปกติ เช่น พิมพ์งานเอกสาร ฟังเพลง หรือเล่นเกมส์ attacker ก็อาจจะส่งคำสั่งผ่านทาง Internet มาให้เครื่องของผู้ใช้งานคนนั้น ไปโจมตี web site ต่างๆ หรือส่ง spam ก็ได้ โดยคำสั่งเหล่านี้จะทำงานอยู่เบื้องหลัง ปกติแล้ว attacker จะยึดเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่อง เพื่อทำเป็น bot เอาไว้ใช้ในงานต่างๆ ซึ่งเราเรียกกลุ่มของเครื่องที่เป็น bot ที่สามารถทำงานร่วมกันได้ ภายใต้คำสั่งของ attacker ว่า "Botnet" หรือ Bot network ซึ่ง botnet มักจะทำงานด้วยการรับคำสั่งจาก attacker ผ่านช่องทางของ Internet Relay Chat (IRC) ซึ่งวิธีนี้ทำให้ attacker สามารถเชื่อมต่อกับ botnet ได้สะดวก และสามารถกระจายคำสั่งไปยังเครื่อง bot ต่างๆ ได้พร้อมกัน ในเวลาเดียวกัน



Spyware


โปรแกรมประเภท spyware จะติดตั้งตัวของมันลงในเครื่องของเราอย่างลับๆ โดยไม่ขออนุญาติเราก่อน ว่าอยากจะลงหรือไม่ ซึ่งเมื่อ spyware ถูกติดตั้งลงในเครื่องแล้ว มันจะคอยทำงานโดยการบันทึกข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา เช่น คอยดูว่าเราไปเข้า web site ไหนบ้าง เราพิมพ์ตัวอักษรอะไรบนคีีบอร์ดบ้าง และอื่นๆ ดังนั้น spyware จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับ attacker ในการขโมย username, password, และข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเครดิตการ์ดของเราได้ด้วย โดยที่ spyware จะส่งข้อมูลที่มันเก็บได้จากเครื่องของเราไปให้เจ้านายของมัน ผ่านทางอินเตอร์เน็ต หรือระบบ network อย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้เรารู้ตัว





โปรแกรม Anti Mulware



โปรแกรม Malwarebytes Anti-Malware1.50.1


เวอร์ชั่นล่าสุด : Malwarebytes Anti-Malware (Latest Version)

         :โปรแกรมด้านความปลอดภัย Malwarebytes Anti-Malware เป็นโปรแกรมตรวจจับและกำจัดมัลแวร์ (malware) สปายแวร์ (spyware) และโทรจัน (trojan) ที่มีความสามารถตรวจจับมัลแวร์เหล่านี้ได้ดีกว่าโปรแกรม anti-virus ทั่วไป เนื่องโปรแกรมถูกออกแบบมาโดยเฉพาะด้าน และมีการอัพเดทฐานข้อมูลมัลแวร์เหล่านี้ realtime





  โปรแกรม Sandboxie 3.66 เวอร์ชั่นล่าสุด :N/A

         :โปรแกรมด้านความปลอดภัย Sandboxie เป็นซอฟต์แวร์ป้องกันเราจากมัลแวร์ที่อาจมาจากทุกเว็บไซต์ที่เราท่องทุกวัน บ่อยครั้งที่เว็บไซต์ต่างๆ อาจประสงค์ร้ายกับคุณ และฝังมัลแวร์ลงในเนื้อหาเว็บไซต์ และเมื่อคุณเปิดเว็บไซต์นั้นขึ้นมา มัลแวร์เหล่านี้จะถูกดึงมา แล้วฝังอยู่ในฮาร์ดดิสของคุณ แต่ถ้าคุณติดตั้ง Sandboxie แล้ว ทุกครั้งที่คุณท่องเว็บ เนื้อหาของเว็บจะถูกเขียนลงบนพื้นที่จำลอง แค่ลบเนื้อหา sandboxie ก่อนที่จะปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แค่นี้คอมพิวเตอร์ของคุณก็จะปลอดภัยจากมัลแวร์เหล่านี้



โปรแกรม Spyware Terminator 3.0.0.69

เวอร์ชั่นล่าสุด : Spyware Terminator (Latest Version)

         :โปรแกรมด้านความปลอดภัย Spyware Terminator เป็นโปรแกรมกำจัดสปายแวร์ (Anti-Spyware) ยอดนิยม มีคุณสมบัติสามารถสแกนสปายแวร์ได้อย่างรวดเร็ว ปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณแบบ real-time หรือตลอดเวลาที่มีการใช้งาน และสามารถป้องกันไวรัสได้อีกด้วย รองรับการใช้งานได้หลายภาษา สามารถอัพเดทตัวโปรแกรมได้ฟรีและอัพเดทตัวเองอัตโนมัติ สามารถตั้งเวลาในการสแกนสายแวร์ได้อีกด้วย



โปรแกรม  a-squared Anti-Malware
         
          : โปรแกรมป้องกันไวรัสโทรจัน เรีกยได้ว่า มีเอาไว้ ป้องกัน ตามคำที่ว่า กันไว้ดีกว่าแก้ และนอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังสามารถป้องกันตัว Back Office ที่อาจจะแอบแฝงมาได้ นอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังมีระบบ การตรวจสอบหา ไว้รัส โทจัน ตัวนี้ที่จะมาจากการ การดาวน์โหลด หรือ ว่ามันอาจจะมีจาก ไฟล์ที่แนบมากับ E-Mail ที่เป็นพวกตระกูล ZIP, ARJ, CAB อีกด้วย และภายโปรแกรมนี้ยังมีรายละเอียดหรือว่าข้อมูลเกี่ยวกับไวรัส โทจัน นี่เรียกว่าโปรแกรมนี้ทั้งป้องกันและทั้งให้ความรู้อีกต่างหาก โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับ มีติด บ้านติดเรือน หรือติด Office ของท่านเอาไว้จะไม่เสียหาย




Windows Defender 1.1.1593

Windows Defender ใช้ในการตรวจหาสปายแวร์ หรือซอฟต์แวร์ที่อาจไม่เป็นที่ต้องการอื่นๆ Windows Defender จะอาศัย definitions ที่มีการอัปเดทในการตัดสินว่าซอฟท์แวร์ที่กำลังทำการติดตั้ง, รัน, หรือเปลี่ยนแปลงค่าการติดตั้งต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณนั้น เป็นซอฟท์แวร์ซ่อนเร้นที่ไม่พึงประสงค์ หรือเป็น ซอฟท์แวร์ชั่วร้าย หรือไม่

















มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้
มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้







































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น